เร่งล่าตัวแก๊งฆาตกรรมเผานั่งยางคนดูแลสวนปาล์มน้ำมัน 3 ราย อึ้งพบอีก 1 รายถูกเผามาแล้ว 2 สัปดาห์ คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 3 ราย สงสัยผู้ดูแลสวนปาล์มอีกแห่ง คาดปมขัดแย้งผลประโยชน์


11 พ.ค.68 ร.ต.อ.จักรกริช แก้วทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.สิเกา ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกเผานั่งยางเสียชีวิต จำนวน 3 ราย เหตุเกิดภายในร่องน้ำสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรภัทร ปิยะถาวร ผกก. สภ.สิเกา เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง



ที่เกิดเหตุพบโครงกระดูกและชิ้นส่วนมนุษย์รวมจำนวน 3 ร่าง ถูกเผานั่งยางอยู่ในร่องคูน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างสวนปาล์มน้ำมัน 2 สวนที่ติดกัน ทราบเป็นชายอายุ 69 ปี ชายอายุ 49 ปี และชายอายุ 41 ปี



ถัดขึ้นมาประมาณ 10 เมตร ในที่พักร้างภายในสวนปาล์มน้ำมันที่อยู่ติดกัน พบคราบเลือดกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น มีการนำน้ำมาราด และนำดินมากลบเพื่อทำลายหลักฐาน ใกล้กันพบแกลลอนสำหรับตักน้ำ 1 ถังตั้งอยู่ ปลอกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 11 มม. อีก 1 ปลอก ถัดออกไปด้านหน้าที่พักร้างพบขวดเปล่าซึ่งใช้ใส่น้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิง 1 ขวด เจ้าหน้าที่หน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยรถยนต์กระบะ และโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตทั้งหมดหายไป โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายนำหลบหนีไป



ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ตภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ตำรวจ กก.สส.ภ.9 ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรัง และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ



ได้พบหลุมฝั่งศพที่ถูกเผานั่งยางในหลุดอีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันที่ผู้เสียชีวิตดูแลอยู่ ถัดจากจุดที่เผานั่งยางทั้ง 3 รายประมาณ 300 เมตร พบบริเวณปากหลุมฝังกลบมีกิ่งต้นกระถินป่าแห้งปกคลุมอยู่ ทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้นำจอบมาขุดลึกประมาณ 1 ฟุต พบเศษยางรถยนต์และรถสิบล้อมีร่องรอยถูกเผา ข้างกันมีเศษกระดูกมนุษย์จึงขุดหลุมขุดเพิ่มพบโครงกระดูกมนุษย์และชิ้นเนื้อที่กำลังเน่า ฝังอยู่ใต้ดิน คาดว่ามีการกลบฝังมาประมาณ 2-4 สัปดาห์



ด้านลูกชายของหนึ่งในผู้เสียชีวิต เล่าว่า พ่อทำงานดูแลสวนปาล์มแห่งนี้ให้เจ้าของสวนมาประมาณ 3–4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือขัดแย้งกับใครเลย เท่าที่ตนรู้ ก่อนเกิดเหตุ พ่อได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยทะลายปาล์มน้ำมันในสวน จึงรีบเดินทางออกมาตรวจสอบพร้อมลูกน้องอีกสองคน ประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ของเมื่อวานนี้ หลังจากนั้นช่วงเย็น ผมเริ่มเอะใจว่าทำไมพ่อยังไม่กลับบ้าน เลยเริ่มออกตามหา จนทราบว่าพ่อเดินทางมาที่ จ.ตรัง จึงพยายามออกตามหาตามสวนปาล์มที่พ่อดูแล กระทั่งช่วงประมาณ 19.00 น. เข้ามาถึงสวนแห่งนี้ เห็นไฟลุกจึงรีบเข้าไปดู ก็รู้เลยว่าน่าจะเป็นพ่อกับลูกน้องแล้ว ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที



สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นดูแลสวนปาล์มแห่งนี้มานานแล้ว ให้กับเจ้าของสวนที่อยู่ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเนื้อที่ 100 กว่าไร่ แต่บางส่วนอยู่ในที่ดินป่าชายเลน ซึ่งได้ถูกตรวจยึดไปแล้วบางส่วน โดยเข้ามาใส่ปุ๋ย และดูแลความเรียบร้อยเป็นประจำ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับคนในพื้นที่แต่อย่างใด



ด้านผู้ใหญ่บ้าน มองว่าสาเหตุอาจจะมาจากปัญหาเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับสวนยางพารา และปัญหาที่มีคนร้ายเข้ามาขโมยผลปาล์มน้ำมัน เพราะเท่าที่ทราบผู้เสียชีวิตไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน



ส่วนพฤติการณ์คาดว่า ภายหลังกลุ่มผู้ตายเดินทางมาถึง น่าจะบังเอิญเจอกับกลุ่มคนร้าย ซึ่งอาจจะเข้ามาลักขโมยปาล์ม หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่หวังจะเข้ามาหาผลประโยชน์ในพื้นตรงนี้ ก่อนจะมีปัญหาพูดคุยกันไม่ลงตัว จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้นและนำพาทรัพย์สินผู้เสียชีวิตไปด้วย โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี



เบื้องต้น ผู้ดูแลปาล์มน้ำมันจำนวน 36 ไร่ ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกัน ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยขณะนี้ยังติดตามไม่พบตัว ส่วนมูลเหตุคาดว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมัน โดยคาดว่ากลุ่มคนร้ายต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ในการลงมือก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย ได้กระจายกำลังออกหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป