หญิงรายนี้เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตอนนี้ท้องได้ 5 เดือน ย้อนกลับไปประมาณปี 2559 หรือ 9 ปีที่แล้ว ตนเองได้รู้จักผู้ชายคนนี้ผ่านแอปฯ หนึ่ง ตอนนั้นเรากำลังเป็นวัยรุ่นและรู้จักกันแบบไม่ได้จริงจังอะไร จากนั้นก็ติดต่อพูดคุยและนัดเจอกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน สถานะเราเป็นเพื่อนกัน แต่กลับมีความสันพันธ์เกินกว่าเพื่อน เวลามีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ฝ่ายชายไม่ได้ป้องกันแต่จะให้ตนกินยาคุมฉุกเฉิน

กระทั่งตนรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ ประจำเดือนไม่มา จึงตรวจดูก็พบว่าตั้งท้องจริง เมื่อส่งรูปถ่ายผลตรวจไปให้ดู ฝ่ายชายเห็นแล้วก็เงียบไป ไม่มาหาตนอีกเลย ซึ่งส่วนตัวก็รู้ว่าเขาไม่พร้อมที่จะมีลูกอีกคน เนื่องจากเขายังเรียนปริญญาโทและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกเขาอีก 1 คนด้วย

ต่อมา ฝ่ายชายบอกว่า จะหาคลินิกทำแท้งแบบถูกกฎหมายให้ และจะออกค่าใช้จ่ายให้ โดยฝ่ายชายนัดให้ไปทำแท้งช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ไม่ได้อยากจะทำแท้งอยู่แล้ว

ฝ่ายชายคนนี้ อายุประมาณ 33 ปี เป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เคยมีแฟน มีลูก 1 คน อายุประมาณ 7 ขวบ ที่ตนเอาเรื่องนี้มาร้องเรียนก็เพราะต้องการให้ฝ่ายชายออกมารับผิดชอบแบบลูกผู้ชายและรับผิดชอบลูกในท้องของตัวเอง

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับฝ่ายชาย เผยว่า ตนยอมรับแบบแมนๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงจริง แต่ไม่ใช่การคบหาแบบจริงจัง เมื่อมาถึงวันที่เราพลาด ตอนท้องก็ได้มีการพูดคุยกันและร่วมกันหาทางออกแก้ไขว่าเราจะเอาเด็กออก เพราะตนเองยังไม่พร้อมจะมีลูกอีกคนในตอนนี้

แต่ต่อมาฝ่ายหญิงเปลี่ยนใจไม่ไปทำแท้ง ตนก็เคยขึ้นโรงพักพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน โดยมีตำรวจเป็นคนกลางและมีแม่ฝ่ายหญิงเป็นพยาน วันนั้นได้ตกลงกันว่า จะใช้ชีวิตตามปกติ แต่ถ้ามีอะไรขาดเหลือค่อยบอกมาว่าจะให้ช่วยอะไร กรณีที่เขาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ตนไม่รับผิดชอบ ตนอยากบอกว่าตนก็ไม่ได้หนีไปไหน อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย เดือนไหนที่มีเงินมากก็ให้มาก การที่ฝ่ายหญิงเรียกร้องว่าอยากได้เงินเท่านั้นเท่านี้ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าลูกในท้องเป็นลูกเราจริงไหม ฝ่ายชายตอบว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันก็มี แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไม่ยอมรับ 100% แต่ถ้าจะให้ตรวจ DNA ก็ยินดี ฝากถึงฝ่ายหญิงว่าตนไม่ได้หนีไปไหน พร้อมช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าที่จะช่วยได้ จะรับผิดชอบเรื่องเด็กที่จะคลอดออกมาแต่ไม่ขอรับผิดชอบแม่เด็ก