รวบหมอเตยและสามีซุกอยู่ในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนาที่วัดไร่ขิง หลังตรวจพบเส้นเงิน 20 ทางเชื่อมโยงรายได้จากการประมูลร้านค้างานประจำปี ร้านค้าสวัสดิการ และเงินทำบุญกฐินโอนเข้าบัญชีสมีแย้ม และแจ้งข้อหาเพิ่มกับอดีตพระเอกพจน์ คนสนิท ขณะที่หลายหน่วยงานผนึกกำลังยกคดีสมีแย้มเป็นโมเดลตรวจสอบวัดป้องกันการทุจริต

ประชาชนยังให้ความสนใจในคดีที่อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือสมีแย้ม หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ยักยอกเงินวัดไปเล่นการพนันออนไลน์ และเปย์เงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือเก็น วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี สาวคนสนิทกว่า 800 ล้านบาท ตำรวจบช.ก.ตรวจบัญชีวัดจำนวน 53 บัญชี พบมี 2 บัญชี สมีแย้มอมเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์มานานกว่า 3 ปี นอกจากนี้ยังมีเส้นเงินที่ไปเกี่ยวพันกับเว็บการพนันหลายร้อยล้านบาท ต่อมาตำรวจนำคลิปเสียง “สีกาเก็นแบล็กเมล์สมีแย้ม” ขู่ขอเงินติดค่างวดเว็บพนันรวม 2 ล้านบาท หากไม่ให้จะแฉคลิปเซ็กส์โฟน ตรวจพบเงินหมุนเวียนบัญชีสีกาเก็นตั้งแต่ปี 59 รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนหมอเตยและสามีอดีตทหารเรือเป็นผู้มีอิทธิพลกุมบังเหียนภายในวัดอยู่ระหว่างหาหลักฐานดำเนินคดี

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 พ.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 ปปป. นำกำลังจับกุมนายฉัตรชัย สีเลี้ยง หรือพ.จ.อ.ฉัตรชัย อินทร์มี อายุ 56 ปี นางพชรพร หรือหมอเตย สีเลี้ยง หรือพัศรานุวัตร อายุ 52 ปี สองผัวเมีย และอดีตพระมหาเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ ภูฆัง อายุ 25 ปี พระคนสนิทสมีแย้ม ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.59-60-61/2568 ลงวันที่ 28 พ.ค.2568 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฟอกเงิน รวบตัวหมอเตยและสามีภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปสอบปากคำที่ บก.ปปป

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. นำหมายจับดังกล่าวประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่ออายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มเนื่องจากนายเอกพจน์อยู่ระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่น สำหรับการจับกุมนางพชรพร สามี และนายเอกพจน์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจสอบเส้นเงินต่างๆของวัด พบว่าทั้ง 3 คนมีส่วนร่วมยักยอกทรัพย์ เงินประมูลร้านค้างานประจำปี ร้านค้าสวัสดิการภายในวัดไร่ขิง แล้วนำไปมอบให้กับสมีแย้ม

จากนั้นพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 ปปป.นำกำลังไปเฝ้าที่วัดและที่ค่ายลูกเสือ หมอเตยและสามียังคงหลบอยู่ในค่ายลูกเสือใช้วิธีกดดัน รวมทั้งเจรจากับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงนำตรวจค้น พบด้านในค่ายลูกเสือมีบ้านของนางเตยใช้หลบซ่อนตัวมีรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนเรียกให้ทั้งคู่ออกมา แต่ไม่ยอมออก กระทั่งขู่จะบุกเข้าไปทั้งคู่ยอมออกมาให้จับกุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ตรวจสอบพบหลักฐานเส้นทางการเงิน 11 เส้นทางเชื่อมโยง 3 บัญชีธนาคาร เป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีกับสมีแย้มและสีกาเก็น สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดตรวจสอบพบพยานหลักฐานเป็นเส้นทางการเงินเพิ่ม 9 เส้นรวมแล้วเป็น 20 เส้นทางการเงิน และพบจำนวนเงินอีก 1 ส่วนเป็นเงินสดที่ไม่ถูกนำเข้าบัญชีวัด เส้นทางการเงินทั้งหมดตรวจพบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากเงินประมูลร้านค้างานประจำปี ร้านค้าสวัสดิการ และเงินทำบุญกฐินมีคนสนิทของสมีแย้มเป็นคนดูแล จากหลักฐานที่พบทั้งหมดเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นกรรมการวัดผู้มีอำนาจ ไวยาวัจกร รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง


นอกจากนี้ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ยังมีมติในที่ประชุมร่วมกันว่า จะยกคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงเป็นคดีตัวอย่าง นำไปสู่การแก้ไขปัญหาการยักยอกเงินวัดโดยบุคคลผู้มีอำนาจ ประสานมหาเถรสมาคมและสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกระเบียบหรือแก้ไขข้อกฎหมายเพิ่มเติมบังคับใช้กับทุกวัด เพื่อป้องกันการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในอนาคต