“ทนายเดชา” จี้ตรวจสอบ มูลนิธิกันจอมพลัง พร้อมฝากผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ขยับ ลั่นเขาเป็น “คนดี” น่าจะให้ตรวจสอบได้


เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ที่ สำนักงานทนายคลายทุกข์ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แถลงข่าวให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายกรณีประเด็นร้อนเกี่ยวกับ “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้“ โดยกล่าวว่า ตอนนี้เริ่มมีคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสในการจัดตั้งมูลนิธิและการรับบริจาค รวมถึงเงินเข้า-ออก ซึ่งเขาเป็น “คนดี” ก็น่าจะให้ตรวจสอบได้ ส่วนเงินจะนำไปช่วยเหลือตัวเอง หรือช่วยเหลือทางการกุศล ต้องดูจากการกระทำ


เมื่อถามว่าการจัดตั้ง “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” นั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า ขั้นตอนปัจจุบันจากการถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบอกว่าการจัดตั้งมูลนิธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องดำเนินการโดยกรรมการที่มีชื่อ ไม่ใช่ดำเนินการโดยบุคคลภายนอกเข้าไปครอบงำ ซึ่งกรณีดังกล่าวที่ผ่านมา เคยมีการยุบมูลนิธิและนำทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดิน


ทนายเดชา กล่าวต่ออีกว่า ในคณะกรรมการของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้มีเพื่อนสนิทตนเองอยู่ด้วย ทราบว่าได้รับมอบหมายให้เป็นคณะกรรมการทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไร ตนเองดูแล้วจึงตั้งคำถามว่ากรรมการ 3 คน เป็นนอมินีหรือไม่ เนื่องจากคนที่ขับเคลื่อน คือ คุณกัน จอมพลัง ทั้งที่ไม่มีชื่อหรือเกี่ยวข้องในมูลนิธิฯ ไม่มีสิทธิไปสั่งการทำถนนซื้อบังเกอร์ และล่าสุดตกใจที่คุณกัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์ว่าจะสั่งให้มีการแก้ไขข้อบังคับหากเลิกมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้แล้ว จะโอนไปมูลนิธิอื่นแทนมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่าซึ่งการกระทำดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนว่ามีการครอบงำมูลนิธิฯ หรือไม่ ซึ่งนายทะเบียน คือ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจเรียกคณะกรรมการ 3 คน เข้ามาชี้แจงได้เพราะมีการระดมเงินบริจาคของประชาชนหลักร้อยล้านบาท

“ทนายเดชา” จี้ตรวจสอบ “มูลนิธิกันจอมพลัง” ฝากผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ รีบดำเนินการ

ส่วนกรณีที่คุณกันจอมพลัง นำชื่อมูลนิธิมาโพสต์แปะลิงก์ธนาคารนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นบุคคลภายนอก หากบอกว่ามูลนิธิอื่นๆ ก็ทำแบบนี้ ทนายเดชา ยืนยันว่าไม่มีที่ตั้งมูลนิธิและให้ลูกน้องนอมินีออกหน้า ส่วนตัวเองอยู่เบื้องหลัง ส่วนการที่ไม่มีชื่อคุณกันจอมพลังอยู่ในมูลนิธิฯ ตนเองไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่จากการสอบถามมูลนิธิอื่นๆคือไม่ต้องรับผิดเกิดเรื่องทางคดี เพราะไม่มีชื่ออยู่ในมูลนิธิ


ในส่วนกรณีที่โพสต์เกี่ยวกับมูลนิธิม้า ทนายเดชา บอกว่าจากการสอบถามเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยที่เป็นเอฟซี บอกว่าถ้าเปิดมูลนิธิมาแล้ว แต่ไม่ได้บริหารจัดการเองและให้บุคคลภายนอกจัดการ มันก็เปรียบเทียบเหมือนเป็นการเปิดบัญชีม้า


เมื่อถามว่าลักษณะแบบนี้ที่อินฟลูเอนเซอร์ทำการโปรโมทรับบริจาค ซึ่งประชาชนเข้าใจว่าเป็นเจ้าของมูลนิธิ แบบนี้เข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า สมมติเขาไม่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิ แต่ไปหลอกลวงประชาชนโดยทุจริต ก็เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แบบเต็มบาทา ฝากให้ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบ เนื่องจากข้อเท็จจริงยุติ พยานหลักฐานชัดเจนตามที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ สามารถรับคดีได้ ผิดแน่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอาจจะโดนฉ้อโกงประชาชนด้วย เนื่องจากหลายคนที่บริจาคเพิ่งมาทราบว่ากันจอมพลังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง